ประกาศ สถานีตำรวจภูธรหนองตอง เรื่อง นโยบายต่อต้านการรับสินบน (Anti-Bribery Policy) ประจำปีงบประมาณ พ
รายละเอียด :
..................
เรื่อง นโยบายต่อต้านการรับสินบน
(Anti-Bribery Policy
ประกาศสถานีตำรวจนครบาล/สถานีตำรวจภูธรหนองตอง
เรื่อง นโยบายต่อต้านการรับสินบน (Anti-Bribery Policy)
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568
ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา 128 วรรคหนึ่ง ได้กำหนดห้ามมิให้เจ้าพนักงานของรัฐผู้ใดรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้จากผู้ใด นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับ ที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เว้นแต่การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด โดยธรรมจรรยา ตามหลักเกณฑ์และจำนวนที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กำหนด และและประมวลจริยธรรมข้าราชการตำรวจ พ.ศ. 2564 ข้อ 2(2) ซื่อสัตย์สุจริต ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ระเบียบแบบแผน ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วยความโปร่งใส ไม่แสดงออกถึงพฤติกรรมที่มีนัยเป็นการแสวงหาประโยชน์ โดยมิชอบ รับผิดชอบต่อหน้าที่สิทธิมนุษยชน มีความพร้อมรับการตรวจสอบและรับผิด มีจิตสำนึกที่ดี คำนึงถึงสังคม และข้อ 2(4) คิดถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว มีจิตสาธารณะ ร่วมมือ ร่วมใจ และเสียสละในการทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม และสร้างสรรค์ให้เกิดประโยชน์สุขแก่สังคม ประกอบกับ แผนการปฏิรูปประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ฉบับปรับปรุง) กำหนดกิจกรรมปฏิรูปที่สำคัญ กิจกรรมที่ 4 พัฒนาระบบราชการไทย ให้โปร่งใส ไร้ผลประโยชน์ เป้าหมายที่ 1 ข้อที่ 1.1 ให้หน่วยงานรัฐทุกหน่วยประกาศเป็นหน่วยงานที่เจ้าหน้าที่รัฐทุกคนไม่รับของขวัญและของกำนัล ทุกชนิดจากการปฏิบัติหน้าที่ (No Gift Policy)
ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม (Conflict of Interest) การรับสินบน ของขวัญ ของกำนัล หรือประโยชน์อื่นใดที่ส่งผลต่อการปฏิบัติหน้าที่ จึงกำหนดแนวทางการปฏิบัติในการต่อต้านการรับสินบน (Anti-Bribery Policy) และการไม่รับของขวัญ ของกำนัล หรือประโยชน์อื่นใด (No Gift Policy) จากการปฏิบัติหน้าที่ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
วัตถุประสงค์
1. เพื่อป้องกัน หรือลดโอกาสในการรับสินบน ผลประโยชน์ทับซ้อนในรูปแบบต่าง ๆ แก่ข้าราชการตำรวจในสังกัดสถานีตำรวจนครบาล/สถานีตำรวจภูธรหนองตอง
2. เพื่อส่งเสริมให้ข้าราชการตำรวจในสังกัดสถานีตำรวจนครบาล/สถานีตำรวจภูธรหนองตอง มีจิตสำนึกในการปฏิเสธ การรับของขวัญและของกำนัลทุกชนิด จากการปฏิบัติหน้าที่
3. เพื่อสร้างวัฒนธรรมองค์กรคุณธรรมและโปร่งใส (Organization of Integrity) ของระบบราชการให้เข้มแข็งและยั่งยืน
4. เพื่อกำหนดมาตรการ แนวทาง และกลไกในการป้องกันการให้/รับสินบนหรือประโยชน์อื่นใด
5. เพื่อกำหนดแนวทางการรับค่ารับรอง หรือของขวัญของผู้บริหารและข้าราชการตำรวจ ในสังกัดสถานีตำรวจนครบาล/สถานีตำรวจภูธรหนองตอง ให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง
6. เพื่อสนับสนุนและยกระดับการดำเนินการภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติแผนแม่บท ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ และแผนการปฏิรูปประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติ มิชอบรวมทั้งเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางในการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment: ITA)
ขอบเขตการใช้บังคับ
ใช้บังคับกับข้าราชการตำรวจในสังกัด สถานีตำรวจนครบาล/สถานีตำรวจภูธรหนองตอง
คำนิยาม
“สินบน” หมายถึง ทรัพย์สินหรือประโยชน์อย่างอื่นที่ให้แก่บุคคลเพื่อให้ผู้นั้นกระทำการ หรือละเว้น ไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งหน้าที่ไม่ว่าการนั้นชอบหรือมิชอบด้วยกฎหมาย ตามที่ผู้จ่ายเงินสินบนต้องการ รวมถึงการรับของขวัญของกำนัล (Gift) ค่าอำนวยความสะดวก เครื่องแสดงไมตรีจิต การรับบริจาค การรับเลี้ยง และ ประโยชน์ในลักษณะเดียวกัน เมื่อมีการเสนอ การให้ หรือรับที่สามารถพิจารณา เป็นเหตุเป็นผลได้ว่าคือ สินบน และ รวมถึงการให้หรือรับกันภายหลัง (การรับของขวัญ จากการปฏิบัติหน้าที่ จะแตกต่างจากการรับ โดยธรรมจรรยา ซึ่งหมายถึงการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้จากบุคคลที่ให้กันในโอกาส เทศกาล หรือ วันสำคัญ ดังนั้น การรับของขวัญ ของกำนัล หรือสินน้ำใจ จากการปฏิบัติหน้าที่ อาจเป็นการรับสินบน)
“การปฏิบัติหน้าที่” หมายความว่า เป็นการกระทำหรือการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ ในตำแหน่ง ที่ได้รับการแต่งตั้ง หรือได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ใดหน้าที่หนึ่ง หรือให้รักษาราชการแทน ในหน้าที่ใด หน้าที่หนึ่งทั้งเป็นการทั่วไปและเป็นการเฉพาะในฐานะเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กฎหมายได้กำหนด อำนาจหน้าที่ไว้หรือเป็นการกระทำไปตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายระบุไว้ให้มีอำนาจหน้าที่ของตำรวจ
“ผู้บังคับบัญชา” หมายความว่า ผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ในการสั่งการ กำกับ ติดตาม และตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด
“ผู้ใต้บังคับบัญชา” หมายถึง ข้าราชการตำรวจในสังกัดสถานีตำรวจนครบาล/ สถานีตำรวจภูธรหนองตอง ทุกนาย นอกเหนือจากผู้บังคับบัญชา
มาตรการจัดการฝ่าฝืนนโยบาย/มาตรการลงโทษ
1. การฝ่าฝืนไม่เป็นปฏิบัติตามนโยบายนี้ อาจถูกดำเนินการทางวินัยหรือดำเนินคดีอาญา หรือกฎหมาย อื่นที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้บังคับบัญชาโดยตรงที่เพิกเฉยต่อการกระทำผิดหรือรับทราบว่า มีการกระทำผิด แต่ไม่ดำเนินการจัดการให้ถูกต้อง ซึ่งมีบทลงโทษทางวินัยจนถึงขั้นให้ไล่ออกจากราชการ
2. การไม่ได้รับรู้ถึงประกาศนโยบายฉบับนี้และ/หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องไม่สามารถใช้เป็นข้ออ้างในการไม่ปฏิบัติตามได้
3. ผู้บังคับบัญชาตามคำสั่งกรมตำรวจ ที่ 1212/2537 ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2537 มีอำนาจหน้าที่ ในการกำกับ ดูแล ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ในปกครองให้ยึดถือและปฏิบัติตามนโยบายนี้อย่างเคร่งครัด
มาตรการการติดตามตรวจสอบ
๑. ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาล/สถานีตำรวจภูธรหนองตอง ประกาศเจตจำนงในการบริหารหน่วยงาน อย่างซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใส และเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลที่ดี โดยเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ข้าราชการตำรวจในสังกัด และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอกทราบ
2. ให้ผู้บังคับบัญชาตามคำสั่งกรมตำรวจ ที่ 1212/2537 ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2537 มีอำนาจหน้าที่ ในการกำกับ ติดตาม และตรวจสอบเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ในปกครอง ในสังกัด ให้ปฏิบัติตน เป็นไปตามประกาศฉบับนี้ กรณีพบการกระทำที่ฝ่าฝืนประกาศฉบับนี้ ให้รายงานผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาล/สถานีตำรวจภูธรหนองตอง.ทราบโดยเร็ว
3. สถานีตำรวจนครบาล/สถานีตำรวจภูธรหนองตอง จัดให้มีการทบทวน และปรับปรุงแนวทางการปฏิบัติตามความเหมาะสมหรือตามการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยต่างๆที่มีนัยสำคัญ
4. ให้ฝ่ายอำนวยการ สถานีตำรวจนครบาล/สถานีตำรวจภูธรหนองตอง จัดทำข้อมูลสถิติการการรับสินบน พร้อมทั้งปัญหา อุปสรรค รายงานให้ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาล/สถานีตำรวจภูธรหนองตอง ทราบทุกไตรมาส
ช่องทางร้องเรียน แจ้งเบาะแส
1. ที่ทำการ สถานีตำรวจนครบาล/สถานีตำรวจภูธรหนองตอง
2. ทางไปรษณีย์ สถานีตำรวจนครบาล/สถานีตำรวจภูธรหนองตอง
3. ทางโทรศัพท์ หมายเลข 053-464214
4. ทางโทรสาร หมายเลข 053-464214
5. ทาง Email : itnongtongpolice@gmail.com
6. เว็บไซต์ สถานีตำรวจนครบาล/สถานีตำรวจภูธรหนองตอง http://nongtong.chiangmaipolice.go.th/
มาตรการคุ้มครองผู้ร้องเรียน/ผู้แจ้งเบาะแส/พยาน และการรักษาความลับ
๑. การพิจารณาข้อร้องเรียน ให้กำหนดชั้นความลับและคุ้มครองผู้เกี่ยวข้องตามระเบียบ ว่าด้วยการ รักษาความลับของทางราชการ พ.ศ.๒๕๔๔ และการส่งเรื่องให้หน่วยงานพิจารณานั้น ผู้ให้ข้อมูลและผู้ร้องอาจจะได้รับความเดือนร้อน เช่น ข้อร้องเรียนกล่าวโทษข้าราชการในเบื้องต้นให้ถือว่าเป็นความลับทางราชการ หากเป็นบัตรสนเท่ห์ ให้พิจารณาเฉพาะรายที่ระบุหลักฐาน กรณีแวดล้อมปรากฏชัดแจ้ง ตลอดจนชี้พยานบุคคลแน่นอนเท่านั้น การแจ้งเบาะแสผู้มีอิทธิพลต้องปกปิดชื่อและที่อยู่ผู้ร้อง หากไม่ปกปิดชื่อที่อยู่ของผู้ร้อง จะต้องแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบและให้ความคุมครองแก่ผู้ร้องดังนี้ “ให้ผู้บังคับบัญชา ใช้ดุลพินิจสั่งการตามสมควรเพื่อคุมครองผู้ร้อง พยาน และบุคคลที่ให้ข้อมูลในการสืบสวนสอบสวน อย่าให้ต้องรับภัยหรือความไม่เป็นธรรมที่อาจเกิดมาจากการร้องเรียน การเป็นพยานหรือการให้ข้อมูลนั้น” กรณีมีการระบุชื่อผู้ถูกกล่าวหา จะต้องคุ้มครองทั้งฝ่ายผู้ร้องและผู้ถูกร้อง เนื่องจากเรื่องยังไม่ได้ผ่านกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงและอาจเป็นการกลั่นแกล้งกล่าวหาให้ได้รับความเดือดร้อนและเสียหายได้ และกรณีผู้ร้องร้องเรียนระบุในคำร้องขอให้ปกปิดหรือไม่ประสงค์ให้เปิดเผยชื่อผู้ร้องเรียน หน่วยงาน ต้องไม่เปิดเผยชื่อผู้ร้องให้หน่วยงานผู้ถูกร้องทราบ เนื่องจากผู้ร้องอาจจะได้รับความเดือดร้อนตามเหตุ แห่งการร้องเรียนนั้นๆ
การแจ้งเบาะแสผู้มีอิทธิพลต้องปกปิดชื่อและที่อยู่ผู้ร้อง หากไม่ปกปิดชื่อที่อยู่ของผู้ร้องจะต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบและให้ความคุ้มครองแก่ผู้ร้องดังนี้ “ให้ผู้บังคับบัญชาใช้ดุลพินิจสั่งการตามสมควรเพื่อคุ้มครองผู้ร้อง พยาน และบุคคลที่ให้ข้อมูลในการสืบสวนสอบสวน อย่าให้ต้องรับภัยหรือความไม่เป็นธรรม ที่อาจเกิดมาจากการร้องเรียน การเป็นพยานหรือการให้ข้อมูลนั้น” กรณีมีการระบุชื่อ ผู้ถูกกล่าวหา จะต้องคุ้มครองทั้งฝ่ายผู้ร้องและผู้ถูกร้อง เนื่องจากเรื่องนี้ยังไม่ได้ผ่านกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริง และอาจเป็นการกลั่นแกล้งกล่าวหาให้ได้รับความเดือดร้อนและเสียหายได้และกรณีผู้ร้องเรียนระบุในคำร้องขอให้ปกปิดหรือไม่ประสงค์ให้เปิดเผยชื่อผู้ร้องเรียน หน่วยงานต้องไม่เปิดเผยชื่อผู้ร้องให้หน่วยงาน ผู้ร้องทราบ เนื่องจากผู้ร้องอาจจะได้รับความเดือดร้อนตามเหตุแห่งการร้องเรียนนั้น ๆ
2. เมื่อมีการร้องเรียน ผู้ร้องและพยานจะไม่ถูกดำเนินการใด ๆ ที่กระทบต่อหน้าที่การงานหรือการดำรงชีวิต หากจำเป็นต้องมีการดำเนินการใด ๆ เช่น การแยกสถานที่ทำงานเพื่อป้องกันมิให้ ผู้ร้อง พยาน และผู้ถูกกล่าวหาพบปะกัน เป็นต้น ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ร้องและพยาน
3. ข้อร้องขอของผู้เสียหาย ผู้ร้อง หรือพยาน เช่น การขอย้ายสถานที่ทำงาน หรือวิธีการ ในการป้องกันหรือแก้ไขปัญหา ควรได้รับการพิจารณาจากบุคคลหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบตามความเหมาะสม
4. ให้ความคุ้มครองผู้ร้องเรียนไม่ให้ถูกกลั่นแกล้ง
ประกาศ ณ วันที่ 1 มีนาคม 2568
พันตำรวจเอก
( พงษ์ธรรศ เจริญปรีชญาพงษ์ )
ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหนองตอง จังหวัดเชียงใหม่
ลิ้งค์ข่าว :
http://nongtong.chiangmaipolice.go.th/activity_sub.php?id_act=2924
18 มีนาคม 2568